ทำความสะอาดหลังเกิดเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม ทุกสถานที่ทั้ง บ้าน โรงงาน

ภัยพิบัติคืออะไร? 

     เหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันและก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน สิ่งแวดล้อม และสังคม สามารถเกิดขึ้นได้จากธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น โดยภัยพิบัติทางธรรมชาติสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลักคือ ธรณีพิบัติภัย อุทกภัย วาตภัย และอัคคีภัย ส่วนภัยพิบัติที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การทรุดตัวของพื้นดินจากการสูบน้ำใต้ดิน 

    ด้วยเหตุนี้เองปัจจุบันจึงมีประกันที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติเกิดขึ้น เช่นประกันอัคคีภัยเกิดขึ้นเพื่อให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายหรือสูญเสียที่เกิดจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ประกันนี้ช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินได้รับการชดเชยทางการเงินเมื่อเกิดความเสียหายกับทรัพย์สินอันเนื่องมาจากไฟไหม้ ประกันอัคคีภัยมักครอบคลุมทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น อาคาร บ้านพักอาศัย โรงงาน และทรัพย์สินภายในอาคาร

ทำไมต้องทำความสะอาดหลังจากเกิดภัยพิบัติ?

การทำความสะอาดหลังจากเกิดภัยพิบัตินั้นสำคัญมาก เนื่องจากต้องฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้พร้อมใช้งานดังเดิม ป้องกันการแพร่กระจายของโรค และการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

บริการทำความสะอาดหลังเกิดภัยพิบัติคืออะไร?

เป็นบริการที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูและทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ หรือเหตุการณ์รุนแรงอื่นๆ เพื่อคืนสภาพพื้นที่ให้กลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัยและสะอาด โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. ประเมินความเสียหาย
  2. กำจัดเศษซากและขยะที่เหลืออยู่หลังจากเกิดเหตุ
  3. ทำความสะอาดพื้นผิว เช่น พื้น ผนัง และเพดาน เป็นต้น
  4. ฟื้นฟูและซ่อมแซมความเสียหายให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม

โรงงานควรทำประกันอัคคีภัยหรือประกันโรงงานไหม?

ควรทำเนื่องจากโรงงานมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงมาก หากเกิดภัยพิบัติขึ้นอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากจึงควรทำประกันโรงงานประเภทต่าง ๆ ไว้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันความเสี่ยงภัยและทรัพย์สิน เป็นต้น

ประกันอัคคีภัย:

ให้ความคุ้มครองการเกิดไฟไหม้กับอาคารและสิ่งปลูกสร้าง (แต่ไม่รวมฐานราก) ที่ใช้ประกอบกิจการต่าง ๆ เช่น โกดังหรือโรงงานอุตสาหกรรม ศูนย์การค้า เป็นต้น ตลอดจนทรัพย์สินใด ๆ ที่เอาประกันภัยไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย เช่น เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น.

ประกันความเสี่ยงและทรัพย์สิน:

ให้ความคุ้มครองเป็นวงกว้าง คุ้มครองทรัพย์สินทั้งในเชิงพานิชย์หรืออุตสาหกรรมจากความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยที่เกิดจากภัยต่าง ๆ เช่น ตัวอาคาร เครื่องตกแต่งติดตั้งตึงตรา เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องจักรต่าง ๆ ใช้กับการประกันภัยทรัพย์สินประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและการค้าขนาดใหญ่ เป็นต้น.

ที่มา: การประกันภัยความเสี่ยงทรัพย์สิน

ประกันโรงงาน และอัคคีภัย ประกันภัยแบบไหนที่โรงงานควรมี – Jobsdb ไทย

10 วิธีป้องกันไฟไหม้โรงงานและโกดังคลังสินค้า

ศึกษาพรบ.ป้องกันอัคคีภัยกันก่อน

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีป้องกันไฟไหม้คลังสินค้าหรือโรงงาน ลองมาศึกษาจุดเริ่มต้นของแผนการป้องกันอัคคีไฟในสถานปฏิบัติงานที่ประสบความสำเร็จจากพรบ.ป้องกันอัคคีภัยกันก่อน เพราะการทำการประเมินความเสี่ยงตามพรบ.ป้องกันอัคคีภัยที่ใช้ในประเทศเป็นก้าวแรกในการวางแผนรับมือกับปัญหาไฟไหม้ในสถานปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงทุกประเภท โดยการประเมินความเสี่ยงส่วนใหญ่จะประกอบด้วยขั้นตอน 5 ขั้นตอนต่อไปนี้ :

  1. ระบุอันตรายจากเพลิงไหม้
  2. ประเมินผู้ที่มีความเสี่ยง
  3. ประเมิน กำจัดหรือลดความเสี่ยง
  4. บันทึกสิ่งที่ค้นพบ จัดทำแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน และทำการอบรม
  5. ทบทวนและปรับปรุงการประเมินความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ

ดูแลคลังสินค้าให้ปลอดภัยด้วยเคล็ดลับป้องกันไฟไหม้ต่อไปนี้

ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน โกดังหรือคลังสินค้า ก็สามารถป้องกันไฟไหม้ได้ด้วย 10 วิธี ที่เรานำมาเสนอในวันนี้ค่ะ

1. เริ่มวางแผนขั้นตอนการป้องกันอัคคีภัย

ใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จากแผนประเมินความเสี่ยง นำมากำหนดขั้นตอนการป้องกันอัคคีภัยที่เหมาะกับความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ จากนั้นอบรมขั้นตอนดังกล่าวให้แก่พนักงานทุกคนเพื่อให้การรับมือกับเหตุเพลิงไหม้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  สร้างแผนการตรวจสอบตนเองให้แก่พนักงานเพื่อรักษามาตรฐานการดูแลสถานที่และการป้องกันอัคคีภัย

2.จัดเตรียมเครื่องมือในการป้องกันอัคคีภัย

จัดซื้อจัดหาเครื่องมือที่ช่วยป้องกันไฟไหม้คลังสินค้าทั้ง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดับเพลิง หัวกระจายน้ำ และระบบตรวจจับอัคคีภัยอัตโนมัติ โดยจำนวนและประเภทของเครื่องดับเพลิงที่ต้องการขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ

 เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับคลังสินค้าโกดังและโรงงาน ของคุณขึ้นอยู่กับความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ การใช้แผนป้องกันอัคคีภัยแบบเหมารวมนั้นไม่เพียงพอและเป็นอันตราย เพราะฉะนั้นการเลือกใช้งานเครื่องมือแต่ละประเภทควรพิจารณาจากความเหมาะสมเป็นหลัก เพื่อให้แผนป้องกันไฟไหม้โรงงาน โกดังและคลังสินค้าของเรามีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ

3. การจัดระเบียบสถานที่

การไม่จัดระเบียบพื้นที่หรือไม่จัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ให้เป็นสัดส่วนและเหมาะสมนั้นเป็นปัจจัยก่อให้ความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้ในหลายด้าน ทางเดินที่แน่นขนัดอาจปิดกั้นทางออก ทำให้คนหนีออกไปได้ยากขึ้น  คลังสินค้าที่แออัดทำให้เพลิงขยายวงกว้างได้ง่าย หรือการเก็บวัตถุอันตราย เช่น ของเหลวไวไฟเอาไว้กับสินค้าอื่น ๆ ก็เป็นตัวเร่งให้เกิดเพลิงลุกไหม้เร็วขึ้น ฯลฯ

ดังนั้นการจัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนและเหมาะสม จึงเป็นสามัญสำนึกพื้นฐานของการป้องกันไฟไหม้คลังสินค้า โกดัง หรือโรงงาน โดยเราต้องจัดการไม่ให้มีสิ่งกีดขวางอุปกรณ์ตัดต่อไฟฟ้าและอุปกรณ์ทำความร้อน ห้ามเก็บสินค้าภาย เว้นระยะห่างมากพอระหว่างหัวกระจายน้ำดับเพลิงและสินค้าที่จัดเก็บเพื่อให้ระบบกระจายน้ำดับเพลิงพ่นน้ำลงในบริเวณดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแยกวัตถุอันตรายออกจากวัตถุไม่อันตราย

การจัดเก็บสิ่งของอย่างมีระบบจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้ลงได้ค่ะ

4. หมั่นตรวจสอบระบบไฟฟ้า

ระบบไฟฟ้าที่บกพร่องคือภัยเงียบอย่างที่คุณก็อาจคาดไม่ถึง ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบว่าระบบไฟฟ้าของคลังสินค้าโกดังและโรงงานของคุณติดตั้งและได้รับการบำรุงรักษาตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ รวมถึงทำสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาติดตั้งบำรุงระบบไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติถูกต้องให้มาตรวจสอบและทดสอบระบบไฟฟ้าของคุณเป็นประจำ หากตรวจพบข้อบกพร่องใด ๆ จะได้ทำการแก้ไขทันที เพราะไม่อย่างนั้นระบบไฟฟ้าที่เราปล่อยให้เสียหายอาจเป็นตัวการก่อไฟไหม้ขึ้นมาก็ได้ค่ะ

5. การรักษาความปลอดภัยทั้งในและนอกสถานที่

การลอบวางเพลิงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักของเพลิงไหม้คลังสินค้า ดังนั้นอย่าลืมปกป้องธุรกิจของคุณจากความเสี่ยงข้อนี้โดยการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยทั้งภายนอกและภายในสถานที่ เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัย กล้องรักษาความปลอดภัย และสัญญาณเตือนภัย  เพื่อขัดขวางผู้บุกรุกและพิทักษ์คลังสินค้าของคุณ

6. มาตรการเรื่องการสูบบุหรี่

ทุกโรงงานโกดังและคลังสินค้าควรตั้งกฎห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ทำงาน แต่อาจจัดมุมสำหรับสูบบุหรี่โดยเฉพาะเอาไว้นอกอาคารโดยมีโครงสร้างปิดล้อมอย่างเป็นสัดส่วน อย่าลืมสร้างเพิงสำหรับสูบบุหรี่โดยใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟ และห้ามวางวัตถุไวไฟภายในระยะ 10 เมตร ของเพิงสำหรับสูบบุหรี่ด้วยนะคะ

7. หมั่นตรวจสอบเครื่องจักรและระบบทำความร้อน

เครื่องจักรและระบบทำความร้อนของโรงงานขัดข้องเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดไฟฟ้าโรงงาน เป็นภัยเงียบอย่างที่คุณก็อาจคาดไม่ถึง ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบว่าระบบเครื่องจักรและระบบทำความร้อนของคลังสินค้าโกดังและโรงงานของคุณติดตั้งและได้รับการบำรุงรักษาตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ รวมถึงทำสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาติดตั้งบำรุงเครื่องจักรและระบบทำความร้อนที่มีคุณสมบัติถูกต้องให้มาตรวจสอบและทดสอบระบบเครื่องจักรและระบบทำความร้อนของคุณเป็นประจำ หากตรวจพบข้อบกพร่องใด ๆ จะได้ทำการแก้ไขทันที เพราะไม่อย่างนั้นเครื่องจักรและระบบทำความร้อนที่เราปล่อยให้เสียหายอาจเป็นตัวการก่อไฟไหม้ขึ้นมาก็ได้ค่ะ

8.หมั่นกำจัดขยะ

การสะสมขยะในโรงงานโกดังคลังสินค้ามีความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการเกิดอัคคีภัย ดังนั้นพนักงานจะต้องกำจัดขยะทั้งหมดเมื่อสิ้นสุดการทำงานในแต่ละวันและนำไปทิ้งที่ถังรับภายนอกซึ่งจะต้องตั้งอยู่ห่างจากอาคารไม่น้อยกว่า 10 เมตร และห่างจากเขตรั้วของสถานที่ประกอบการของคุณอย่างน้อย 2 เมตร

หากสถานประกอบการของคุณไม่อนุญาตให้ทำการจัดเก็บขยะประเภทนี้ เก็บขยะไว้ในตู้โลหะที่สามารถล็อคได้ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากอาคารในระยะที่เหมาะสม 

9. การตรวจสอบเมื่อสิ้นวัน

เมื่อสิ้นสุดการทำงานในแต่ละวัน พนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบและผ่านการอบรมจะต้องตรวจสอบทุกพื้นที่ของอาคารโรงงานและคลังสินค้า และบันทึกผลการตรวจสอบอย่างละเอียดตามรายการที่กำหนดไว้ โดยต้องทำการตรวจสอบว่ามีการกำจัดวัสดุที่เป็นเศษซากแล้วหรือไม่ ระบบป้องกันไฟไหม้และระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ทำงานเป็นปกติหรือเปล่า รวมถึงมีการแยกเก็บวัตถุหรืออุปกรณ์อันตรายตามที่กำหนดหรือไม่

10. ทำประกันอัคคีภัยในวงเงินที่เหมาะสมไว้ดีที่สุด

นอกจากการเตรียมการเพื่อป้องกันไฟไหม้คลังสินค้า โกดังหรือโรงงานตามวิธีที่เราแนะนำไปแล้ว การปกป้องและคุ้มครอง “ความเสี่ยง” ด้วยการทำประกันอัคคีภัยก็เป็นอีกตัวเลือกเพื่อช่วยเพิ่มความอุ่นให้กับธุรกิจของเราได้ค่ะ ดังนั้นทุกอาคารโรงงาน โกดัง และคลังสินค้า ท่านผู้ประกอบการควรจัดการให้มีการทำประกันภัยไว้เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดค่ะ

CR.10 วิธีป้องกันไฟไหม้โรงงานและโกดังคลังสินค้า

กระบวนการทำความสะอาดหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้

กระบวนการทำความสะอาดหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ของวันมอร์ลิงค์จะมีอยู่ 2 ขั้นตอนหลักดังนี้

1.ประเมินสถานที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้

  • เพื่อตรวจสอบว่ามีขยะอันตรายไหม
  • เพื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาด
  • เพื่อจัดเตรียมรถขนส่งในการบรรทุกขยะที่ใช้งานไม่ได้ไปกำจัด

2.จัดหาทีมทำความสะอาด

  • ทีมทำความสะอาดจะแบ่งหน้าที่การทำงาน เพื่อการทำงานที่รวดเร็วและเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนการทำความสะอาดทีมงานจะเช็คอุปกรณ์ในการทำความสะอาดทุกครั้ง

6 วิธีรับมือหลังน้ำท่วม

หลังจากที่เหตุน้ำท่วมจบลง ย่อมตามมาด้วยความเสียหายทั้งร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สิน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดการดูแล และฟื้นฟูความเสียหายเหล่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นก่อนที่เราจะกลับไปอยู่บ้านหลังน้ำลดควรทำ 6 สิ่งเพื่อให้อยู่บ้านอย่างปลอดภัย ดังนี้

  • ตรวจระบบไฟฟ้า ต้องตรวจก่อนใช้งานป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
  • สำรวจความเสียหาย สำรวจความเสียหายของโครงสร้างบ้าน และบริเวณโดยรอบ
  • เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด ถุงมือ ถุงขยะ รองเท้า หน้ากากอนามัย
  • ปรับปรุงห้องครัว ทำความสะอาดห้องครัว เครื่องครัว
  • ล้างทำความสะอาดทันที ควรรีบลงมือก่อนที่คราบจะฝังลึก
  • ปรับปรุงห้องส้วม หากส้วมเต็ม หรืออุดตันใช้น้ำหมักชีวภาพลาดลงคอห่าน หรือโถส้วม
ขั้นตอนการทำความสะอาดหลังน้ำท่วม

3 วิธีทำความสะอาดหลังน้ำท่วม

เตรียมตัวก่อนทำความสะอาด

เตรียมตัวก่อนทำความสะอาด สวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เช่น ใส่ถุงมือ เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รองเท้าบูท แว่นตา และหน้ากากอนามัย ป้องกันไม่ใช้เชื้อโรคโดนตัวเรา นอกจากที่ต้องเตรียมอุปกรณ์สวมใส่แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คืออุปกรณ์ทำความสะอาด แปรงขัดพื้น ไม้กวาดทางมะพร้าว ไม้ถูพื้น ถังน้ำ กระดาษทิชชู หรือผ้าทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยาสั่งผ้าขาว เบคกิ้งโซดา ส่วนผสมของโซเดียมโฮคลอไรด์ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค และน้ำยาทำความสะอาด

ก่อนทำความสะอาด

หลังจากที่เราเตรียมของพร้อมทำความสะอาด สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือ ต้องตรวจสอบการรั่วของกระแสไฟฟ้า หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาช่างไฟก่อนจะดีที่สุด และ เมื่อไม่มีการรั่วของกระแสไฟฟ้าแล้ว ให้เราลดความชื้นโดยการเปิดหน้าต่าง ประตู บานเกล็ด เพื่อให้ลมอากาศถ่ายเทเข้ามาได้สะดวก พร้อมสำรวจบ้าน ระวังสัตว์อันตราย เศษกระจก เศษเหล็ก อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากพบเฟอร์นิเจอร์ที่ขึ้นราอย่าพยายามสูดดม ถ้าตัดใจทิ้งได้จะดีกว่า

ปฏิบัติทำความสะอาด

ฉีดน้ำล้าง ขัดตะไคร่น้ำ หรือสิ่งสกปรกออก แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมตามความต้องการ พื้นที่ หรือสิ่งของ ที่พบเชื้อรา ห้ามฉีดน้ำ ให้ใช้แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาชักผ้าขาวที่ผสมน้ำในอัตราส่วน 300 ml ต่อน้ำ 4 ลิตร เช็ดคราบเชื้อราทิ้งไว้ 15 – 30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือจะปล่อยให้แห้งเอง จะใช้พัดลมเป่า ก็ตามที่เราพอใจได้ครับ

ที่มา.https://www.dohome.co.th/th/dohome-guides/knowledge/cleaningflood/

แนะนำ วิธีการล้างและทำความสะอาดเครื่องจักร หลังน้ำท่วม ได้ด้วยตนเอง”

มีข้อแนะนำสำหรับท่าน ๆ ที่ พบปัญหาในเรื่อง น้ำท่วม โรงงาน ทำให้เครื่องมือ เครื่องจักร อยู่ภายใต้ น้ำท่วม ดังนั้น เราจึงขอแนะนำวิธี การล้างเครื่อง การทำความสะอาดเครื่องจักร หลังน้ำท่วม มาฝากกัน ดังต่อไปนี้

การล้างทำความสะอาดเครื่องจักร (ส่วนตัวเครื่องภายนอก )

การล้างทำความสะอาดเครื่องจักร ส่วนที่เป็น Cover , โครงเครื่อง , ส่วนที่เป็นสี , กระจก , พลาสติก , ฐานเครื่อง เป็นต้น

  • เมื่อหลังน้ำลดแล้วก่อนการทำความสะอาดเครื่องจักร  ห้ามเปิดสวิชท์  เครื่องโดยเด็ดขาด  
  • เริ่มล้างทำความสะอาดเครื่องจักร  โดยนำสิ่งสกปรกออกจากบริเวณเครื่องจักรที่ผ่าน น้ำท่วม มา เช่น โคลน , เศษดิน, เศษหญ้า , ตะไคร่น้ำ หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ เป็นต้น
  • การล้างส่วนตัวเครื่องจักร ให้ใช้น้ำ และ น้ำยาทำความสะอาด  ล้างบริเวณทั่วไปของเครื่องจักร ( ยกเว้นบริเวณที่เป็นแผงวงจรไฟฟ้า )  

การล้างทำความสะอาดเครื่องจักร (ส่วนตัวเครื่องภายใน)
ได้แก่ ส่วนที่เป็นอุปกรณ์ต่างๆ เช่น แม่พิมพ์, กระบอกสูบ, เพลา, เฟือง, ผนังครื่อง Ball Screw, Slide Way หรือ ส่วนที่ไม่ได้มีสีปกปิดไว้  เป็นต้น

  • ให้ล้างทำความสะอาดเครื่องจักร ส่วนภายในนี้ โดยนำสิ่งสกปรก ที่เกิดจาก น้ำท่วม ออกจากบริเวณดังกล่าวเช่นกัน
  • การล้างเครื่องจักร โดยใช้น้ำยาล้างเครื่องจักร หรือน้ำยาทำความสะอาด ชนิดพิเศษ ที่สามารถล้างคราบสนิม หรือ คราบน้ำมัน, คราบจารบี ออกจากตัวเครื่อง (ยกเว้นบริเวณที่เป็นแผงวงจรไฟฟ้า)  
  • หลังจากล้างน้ำแล้ว เราอาจพบสนิมหลงเหลืออยู่ ซึ่งปัญหานี้ เราอาจต้องขัดสนิมออก ด้วยกระดาษทรายชนิดละเอียด หรือ แผ่นสก๊อตไบร์ท ทำการขัดลูบ (ไม่แรงจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวของเครื่องจักร เกิดความเสียหายได้) หลังจากนั้นควรทาหรือฉีดพ่นด้วยน้ำยากันสนิม หรือ สารหล่อลื่น เพื่อลดการเกิดสนิมซ้ำ
  • เมื่อล้างน้ำเสร็จ เรารแนะนำว่า อย่าปล่อยหรือทิ้งไว้นาน เพราะจะทำให้เกิดสนิมได้โดยเร็ว ดังนั้นหลังผิวเหล็กแห้งแล้ว ควรฉีดพ่น หรือ ทาด้วยน้ำมัน หรือ น้ำยาปกป้องสนิม ทันที
  • สำหรับส่วนที่เป็นเหล็ก หรือ โลหะต่างๆ  ซึ่งจมน้ำ หรือน้ำท่วม เป็นเวลานาน สภาพสี หรือผิวของชิ้นส่วนนั้น อาจชำรุดเสียหาย ซึ่งเราอาจใช้ สีกันสนิมชนิดพิเศษ ทาไว้ก่อนก็ได้ เพราะจะได้เป็นการป้องกันสนิม มิให้เกิดซ้ำแบบถาวรได้ หรือ หากต่อไป เราสามารถทำสี หรือ พ่นสี ในส่วนนั้นได้ โดยมิต้องมาขัดสนิมใหม่อีก

การทำความสะอาด แผงวงจรไฟฟ้า แผงวงจรอิเล็คทรอนิค

  • แผงวงจรไฟฟ้า หรือ แผงวงจรอิเล็คทรอนิค ถือเป็นส่วนที่สำคัญมาก ดังนั้นการจะกู้เครื่องจักรมาใช้ได้ หัวใจคือจุดนี้  เราจึงควรใช้ น้ำยาไล่ความชื้น เข้ามาทำความสะอาด แทนการใช้ลมเป่าแต่เพียงอย่างเดียว เพราะการใช้ลมอาจมีโอกาส ที่น้ำหรือ ความชื้น ยังคงติดค้างหลงเหลืออยู่ได้ ซึ่งเมื่อเปิดการทำงานของเครื่อง อาจเกิดการไฟฟ้าลัดวงจร จนแผงวงจรนั้น เสียหายได้ 
  • หลังจากใช้ น้ำยาไล่ความชื้น ฉีดพ่น แล้ว เราอาจใช้ลมแห้ง หรือ เครื่องเป่าลมร้อน ( Air Dryer ) เป่าไปยังบริเวณ แผงวงจรไฟฟ้า อีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีน้ำหลงเหลือ หรือค้างอยู่ในแผงวงจรไฟฟ้า ได้

คำเตือน !!!

 

  • หลังจากทำความสะอาดเครื่องจักร หลังน้ำท่วม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องตรวจสอบทุกจุดด้วยความมั่นใจว่าอยู่ในสภาพพร้อมการใช้งาน จึงค่อยทำการเปิดเครื่อง (Switch On) แต่ขอย้ำว่า (การเปิดเครื่อง เพื่อใช้งาน ควรอยู่ภายใต้การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ หรือช่างชำนาญการเท่านั้น)

อุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องจักร หลังน้ำลด

  • ผ้าชามัวร์ไมโคร ไฟเบอร์หรืออื่นๆ
  • กาพ่นสี, กาพ่นน้ำยาไล่ความชื้น, หัวเป่าลม, สายลม
  • เครื่องเป่าลมร้อน (Air Dryer)
  • น้ำยาไล่ความชื้น
  • แปรงทาสี, ลูกกลิ้งทาสี
  • กระดาษทราย
  • สีกันสนิม (ที่ใช้สำหรับทา เครื่องจักร โดยเฉพาะ)
  • น้ำมันหล่อลื่น, จารบี เป็นต้น

ข้อแนะนำ 

  • การล้างทำความสะอาดเครื่องจักร หลังน้ำท่วม ต้องใช้ความระมัดระวัง และ ควรอยู่ภายใต้การดูแล จากช่าง, ผู้รู้, ผู้เชี่ยวชาญ อย่างใกล้ชิด 
  • การทำความสะอาดเครื่องจักรที่ถูกต้อง จะเป็นการลดความเสียหาย และ ลดค่าใช้จ่าย ในการซ่อมแซมเครื่องจักรได้
  • หลังน้ำลด ควรเข้าไปทำความสะอาดโดยทันที มิเช่นนั้น จะมีสนิมเกิดขึ้นโดยทันที ซึ่งจะทำให้เป็นผลเสียต่อเครื่องจักรได้ 
  • การล้างเครื่องจักร ควรสวมใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น หมวก, แว่นตา, ถุงมือ, รองเท้าบู๊ต, เข็มขัดนิรภัย และผ้าปิดจมูก เป็นต้น ทุกครั้งที่ทำการล้าง หรือ ทำความสะอาดเครื่องจักร หลังน้ำท่วม 

ที่มา.https://www.chamoispee.com/content

การบริการของวันมอร์ลิงค์

บริษัท วันมอร์ลิงค์ จำกัด รับทำความสะอาดหลังเกิดเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยพิบัติอื่น ๆ ในโรงงานและทุกสถานที่  เรามีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาและมีผู้เชี่ยวชาญในการทำความสะอาดหลังเกิดเหตุภัยพิบัติ นอกจากนี้เราได้รับการรับรองระบบ ISO 9001 และ 14001 เพื่อตอกย้ำว่าบริษัทของเรามีมาตรฐานสากล  ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน และสามารถตรวจสอบได้