กฎหมายปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Register หรือ PRTR)
PRTR คือ ระบบที่มีวัตถุประสงค์หลักในการติดตามและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษจากแหล่งกำเนิดสู่สิ่งแวดล้อม โดยทั่วไปจะครอบคลุมทั้งการปล่อยสู่ อากาศ, น้ำ, ดิน และการเคลื่อนย้ายของเสียเพื่อกำจัดหรือบำบัด
หลักการสำคัญของ PRTR
1. รายงานการปล่อยมลพิษ: โรงงานอุตสาหกรรมต้องรายงานปริมาณและประเภทของสารมลพิษที่ปล่อยออกมา
2. ความโปร่งใส: ข้อมูลต้องสามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตรวจสอบและลดการปล่อยมลพิษ
3. การควบคุมและปรับปรุง: ข้อมูลที่ได้ช่วยให้รัฐบาลกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ประเทศที่มีการบังคับใช้ PRTR
ปัจจุบัน มีหลายประเทศที่ได้นำระบบ PRTR มาใช้ในระดับกฎหมายหรือเป็นข้อบังคับตามแนวทางสากล เช่น:
1. ญี่ปุ่น (Japan)
• ญี่ปุ่นบังคับใช้ระบบ PRTR ตั้งแต่ปี 2001 ตามกฎหมาย PRTR Law
• รายงานข้อมูลครอบคลุมสารเคมีมากกว่า 400 ชนิด
• เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ข้อมูล PRTR เพื่อลดการปล่อยมลพิษอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรม
2. สหรัฐอเมริกา (United States)
• ใช้ระบบที่คล้ายกันภายใต้ Toxic Release Inventory (TRI) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Emergency Planning and Community Right-to-Know Act (EPCRA)
• ข้อมูลการปล่อยมลพิษที่ถูกรายงานต่อ TRI จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะผ่านเว็บไซต์ของ Environmental Protection Agency (EPA)
3. เกาหลีใต้ (South Korea)
• มีระบบ PRTR ที่เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 1999 โดยเน้นการรายงานสารมลพิษในอุตสาหกรรมเคมีและโลหะ
4. แคนาดา (Canada)
• ใช้ระบบ National Pollutant Release Inventory (NPRI) ซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับโรงงานขนาดใหญ่ที่ปล่อยมลพิษ
5. สหภาพยุโรป (European Union)
• มีระบบ European Pollutant Release and Transfer Register (E-PRTR) ซึ่งใช้ข้อมูลจากประเทศสมาชิก EU เพื่อควบคุมและติดตามปัญหามลพิษข้ามพรมแดน
6. ออสเตรเลีย (Australia)
• บังคับใช้ระบบ National Pollutant Inventory (NPI) โดยมีการติดตามและรายงานการปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
สถานการณ์ในประเทศไทย
ประเทศไทยยังไม่ได้บังคับใช้ PRTR ในรูปแบบเต็มรูปแบบ แต่ได้มีการศึกษาแนวทางและการเตรียมการภายใต้โครงการความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNEP และ JICA (Japan International Cooperation Agency) เพื่อพัฒนาและปรับใช้ PRTR ในอนาคต
ในระยะทดลองที่ผ่านมา มีบางพื้นที่ เช่น จังหวัดระยอง และ มาบตาพุด ที่เคยนำระบบ PRTR มาประยุกต์ใช้เพื่อตรวจสอบการปล่อยมลพิษในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมหนัก
ข้อดีของการใช้ระบบ PRTR
• เพิ่มความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นระหว่างภาคอุตสาหกรรมและประชาชน
• สนับสนุนการพัฒนานโยบายลดมลพิษที่มีข้อมูลรองรับ
• กระตุ้นให้โรงงานพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดต้นทุนการปล่อยมลพิษ
ประเทศไทยควรเร่งบังคับใช้ PRTR หรือไม่?
เนื่องจากไทยมีอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC (Eastern Economic Corridor) การมีระบบ PRTR จะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับมลพิษและสร้างมาตรการควบคุมสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น



