ทั่วโลกกำลังตระหนักเรื่องโลกร้อน โลกรวน กันอย่างจริงจัง วันนี้พาเปิด 10 ประเทศ ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด ซึ่งอาจทำให้เป้าหมายถึงฝั่งฝันช้าลงได้
ปี2024 ทั่วโลกมีแนวโน้ม การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ที่ระดับ 37,400 ล้านตัน นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 0.8% จากระดับในปี 2023 ข้อมูลนี้จะทำให้เห็นว่ายิ่งทั่วโลกมีการรณรงค์การลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ยิ่งมีการปล่อยสูงขึ้น สวนทางกันโดยสิ้นเชิง นั่นหมายความว่า เป้าหมายที่ทั่วโลกตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2030 ที่จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 30-40 จากการดำเนินการตามปกติ จะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 อาจไปไม่ถึงฝั่งฝัน หรือไปถึงเป้าหมายช้าลง
ทั้งนี้มีข้อมูลจาก geeksforgeeks ระบุว่า มี 10 ประเทศ ที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด ดังนี้
- จีน จำนวน 10,667 ล้านตัน
- อเมริกา จำนวน 4,712 ล้านตัน
- อินเดีย จำนวน 2,441 ล้านตัน
- รัสเซีย จำนวน 1,577 ล้านตัน
- ญี่ปุ่น จำนวน 1,030 ล้านตัน
- อิหร่าน จำนวน 745 ล้านตัน
- เยอรมนี จำนวน 644 ล้านตัน
- ซาอุดีอาระเบีย จำนวน 625 ล้านตัน
- เกาหลีใต้ จำนวน 597 ล้านตัน
- อินโดนีเซีย จำนวน 589 ล้านตัน
ขณะที่ประเทศไทย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นลำดับที่ 20 ของโลก (Climate Watch Data, 2020) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาคพลังงาน กว่าร้อยละ 70 นอกจากยังเผยอีกว่า ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน
นอกจากนี้ข้อมูลจาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ภาพรวมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยล่าสุดประกอบด้วย
- ภาคพลังงาน ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด 69.06 % หรือคิดเป็นปริมาณ 257,340.89 GgCO2eq มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมพลังงาน 40.05% การขนส่ง 29.16% อุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง 20.24% และอื่นๆ 6.56%
- ภาคเกษตร ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 15.69% หรือคิดเป็นปริมาณ 58,486.02 GgCO2eq มาจากการเพาะปลูกพืชเกษตร 77.57% การทำปศุสัตว์ 22.43% การเผาไหม้ชีวมวลจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร 2.92% การใส่ปุ๋ยยูเรีย 2.86 %
- ภาคกระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 10.77% หรือคิดเป็นปริมาณ 40,118.14 GgCO2eq มาจากอุตสาหกรรมอโลหะ 51.28% อุตสาหกรรมเคมี 33.17% และ อุตสาหกรรมที่ใช้สารทำลายชั้นโอโซนที่ 13.33%
- ภาคของเสีย ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4.48% หรือคิดเป็นปริมาณ 16,703.68 GgCO2eq โดยในจำนวนนี้ มาจากกำจัดขยะมูลฝอย 52.53% การบำบัดน้ำเสีย 45.71% การกำจัดขยะด้วยการเผาในเตาเผา 1.08% และการบำบัดขยะมูลฝอยด้วยวิธีทางชีวภาพเพียง 0.68%
ที่มา: geeksforgeeks , กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม , กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
CR.https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/854154#วันมอร์ลิงค์ #บริการรับกำจัดกากอุตสาหกรรม #กากอุตสาหกรรม #สิ่งแวดล้อม #ข่าววันนี้ #ความรู้ทั่วไป #CEORAPATSORN #ประเทศไทย #เทรนด์โลก